วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

TOYOTA CAMRY HYBRID THAI VERSION

เผยโฉมแล้ว Toyota Camry Hybrid
เวอร์ชันไทย ประกอบไทย เพื่อคนไทย
หลังการแถลงข่าวเตรียมสร้าง เมืองจราจรจำลอง แห่งที่ 3 ในประเทศไทยได้เพียง 2 วัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดการเผยโฉมคันจริงของโปรเจ็กต์ใหม่ล่าสุด ในการนำเสนอทางเลือกใหม่ ของการขับเคลื่อนบนความประหยัด และมีมลพิษต่ำ ด้วยเทคโนโลยีลูกผสมอย่างไฮบริด ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้าบนพื้นฐานของรถยนต์ครอบครัวรุ่นคัมรี่ ที่จะประกอบในเมืองไทย และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้

โครงการผลิตคัมรี่ ไฮบริดของโตโยต้าในประเทศไทยถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว พร้อมกับสร้างความฮือฮาได้มากพอสมควร เพราะถือเป็นครั้งแรกที่โตโยต้านำเทคโนโลยีไฮบริดเข้ามาทำตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เริ่มทำตลาดทั่วโลกด้วยรถยนต์ไฮบริดมาตั้งแต่ปี 1997 อีกทั้งยังเป็นการตั้งไลน์ผลิตในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งนั่นเท่ากับว่าบ้านเราจะเป็นโรงงานผลิตแห่งที่ 4 ในโลกต่อจาก Toyota City ที่ญี่ปุ่น , โรงงานในเมืองจอร์จทาวน์ มลรัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา และอัลโทนา มลรัฐวิคตอเรีย ออสเตรเลีย

ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศ ปาร์คนั้น ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยได้ไขสงสัยเกี่ยวกับเรื่องหน้าตาของคัมรี่ ไฮบริดเวอร์ชันที่จะขายในเมืองไทยว่ามีความเหมือน หรือว่า แตก ต่างจากเวอร์ชันที่ขายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลออกมาว่า แนวทางในการทำตลาดไม่แตกต่างจากคัมรี่รุ่นปกติ

คัมรี่ ไฮบริดสำหรับขายในเมืองไทยจะมีหน้าตาทั้งภายนอก และภายในแตกต่างจากคัมรี่ ไฮบริด เวอร์ชันอเมริกันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการออกแบบกระจังหน้า กันชนหน้า ไฟหน้า ไฟท้าย และกันชนท้ายให้แตกต่างจากคัมรี่ รุ่นปกติที่ขายอยู่ในบ้านเราด้วย ส่วนพื้นฐานทางวิศวกรรม แม้ว่าทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยจะยังไม่แถลงออกมาอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าจะแชร์ระบบไฮบริดร่วมกับคัมรี่ ไฮบริด เวอร์ชันอเมริกัน นั่นคือ การใช้รหัส 2AZ-FXE ซึ่งเป็นการจับคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,400 ซีซี พร้อมระบบ VVT-I กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ ใช้ระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle มีกำลังขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์ 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และจะเพิ่มสูงสุดเป็น 187 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ส่วนหน้าที่ในการเก็บกระแสไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่แบบนิเกล-เมทัล ไฮดราย (Ni-MH)

การทำงานของระบบไฮบริดในคัมรี่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ในช่วงออกตัวโดยอาศัยพลังงานที่สะสมในแบตเตอรี่ และเมื่อขับด้วยความเร็วคงที่ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนโดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ภายใต้การควบคุมของระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

เมื่อต้องเร่งแซงหรือเร่งความเร็วมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยเครื่องยนต์ในการเรียกสมรรถนะ และเมื่อมีการเบรกหรือถอนคันเร่ง มอเตอร์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่ ส่วนเมื่อต้องจอดติดอยู่กับที่ เครื่องยนต์จะดับเพื่อลดมลพิษ และความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และจะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อเข้าเกียร์และกดคันเร่ง

ตรงนี้ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย บอกว่าจะมีการเปิดเผยอีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ และพร้อมที่จะให้ลูกค้า แสดงความจำนงในการเป็นเจ้าของคัมรี่ ไฮบริดก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกด้วย

มิสเตอร์ มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "โตโยต้าได้ให้คำมั่นสัญญา ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้ดำเนินโครงการต่างๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อลูกค้าชาวไทย ในหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การแนะนำ เครื่องยนต์ระบบคอมมอนเรลในรถกระบะ การดำเนินงาน โครงการป่านิเวศน์ในโรงงานที่บ้านโพธิ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ถูกเปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่ การพัฒนารถยนต์ที่รองรับพลังงานทางเลือก ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง E20 และรถยนต์เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติอัด หรือ CNG และล่าสุด สำหรับวันนี้ คือรถยนต์ระบบพลังงานไฮบริด ซึ่งจะเป็นการผลิตรถยนต์ไฮบริด เพื่อการจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความล้ำสมัยของเทคโนโลยี และเป็นความภาคภูมิใจของเรา"

คัมรี่ ไฮบริดจะได้รับการผลิตที่โรงงานเกตุเวย์ของโตโยต้า ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และทางโตโยต้าได้ทำการทดสอบระบบไฮบริดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องสมรรถนะและควสามปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งระบบไฮบริดที่มีเครื่องยนต์ 2,400 ซีซีเป็นพื้นฐาน บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการช่วยขับเคลื่อน ทำให้มีตัวเลขในเรื่องความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีขึ้นจากรุ่นปกติที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกันถึง 30%
สำหรับรุ่นที่ทำตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 เกรด และมีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ส่วนราคายังไม่มีระบุออกมา แต่จากการให้สัมภาษณ์ของมิสเตอร์โซโนดะในวันงานเผยว่า ราคาอาจจะแพงกว่ารุ่น 2,400 ซีซีประมาณ 1-2 แสนบาท และคาดว่าไม่น่าจะเกิน 2 ล้านบาทอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอคำตอบจากทางรัฐบาลในเรื่องการลดหย่อนในด้านภาษีสรรมสามิตและภาษีนำเข้าชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนั้น ก่อนที่จะถึงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 กรกฎาคม ทางโตโยต้าจะมีการจัดสัมมนา เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีไฮบริดอย่างต่อเนื่อง ใน 5 จังหวะทั่วประเทศ โดยจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนนี้เรื่อยไปจนถึงเดือนมิถุนายน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น