Toyota Yaris 1 NZ-FE VVT-i
Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์ได้เปิดตัวที่งาน Bologna Motor Show ก่อนที่จะเริ่มมีจำหน่ายในยุโรปที่กำหนดไว้ในต้นปีหน้า โดยโฉมใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในส่วนด้านหน้าตรงกระจังหน้าที่แคบลง กันชนหลัง นอกจากนั้นยังมีไฟหน้าและหลังที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนภายในมีการตกแต่งด้วยเบาะหนังพร้อมลวดลายใหม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การใช้เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดแบบ 4 สูบ Dual VVT-i ความจุ 1.33 ลิตร ซึ่งเริ่มมีใช้ในรุ่น Auris มาก่อน
เครื่องยนต์ใหม่นี้จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่อากาศ มีการประหยัดน้ำมันที่มากกว่า มีกำลังและแรงบิดที่สูงกว่าเครื่องยนต์แบบเก่าที่มีขนาด 1.4 ลิตร เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.33 ลิตรนี้ ให้กำลังที่ 101 แรงม้า แรงบิดที่ 132 นิวตัน-เมตร ชุดเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมี option เป็นระบบเกียร์ MMT กึ่งอัตโนมัติ Toyota อ้างว่าเวอร์ชั่นเกียร์ธรรมดามีอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยที่ 5.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (46.1 ไมล์/แกลลอน)
ถึงเวลาเปิดตัว Toyota Yaris ไมเนอร์เชนจ์ ที่ไทยแล้ว หลังจากที่เปิดตัวรุ่นแรกมาได้ประมาณ 2 ปี ราคา Toyota Yaris ใหม่ทาง Toyota แบไต๋ออกมาแล้วดังนี้ครับ
-รุ่น S Limited เกียร์อัตโนมัติ ราคา 714,000 บาท
-รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 694,000 บาท
-รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 674,000 บาท
-รุ่น E Limited เกียร์อัตโนมัติ ราคา 649,000 บาท
-รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 629,000 บาท
-รุ่น E เกียร์ธรรมดา ราคา 594,000 บาท
-รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 574,000 บาท
-รุ่น J เกียร์ธรรมดา ราคา 539,000 บาท
Customized seat เพิ่ม 3,000 บาท (มีเฉพาะรุ่น J, E และ S เท่านั้น)
สำหรับภายนอก ยาริส ไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับเปลี่ยน กันชนหน้าและหลังให้กว้างขึ้น กระจังหน้าลายใหม่ ดีไซน์เรียว โคมไฟหน้าใหม่ ใหญ่กว่าเดิม เพิ่มไฟเลี้ยวกระจกมองข้าง โคมไฟหลังดีไซน์ใหม่ อินเทรนด์ด้วยไฟเลี้ยวสีส้ม และเลนส์ไฟตัดหมอกหลังแบบใส ล้ออัลลอยใหม่ ลาย 8 ก้านขนาด 15 นิ้ว และสเกิร์ตหน้า-หลังใหม่ ใหม่ (เฉพาะรุ่น S Ltd, S และ E Ltd)
ส่วนภายใน พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ความปลอดภัยที่แฝงมาพร้อมความสะดวกสบาย, ช่องต่อสาย AUX, ผ้าเบาะลายใหม่, เพิ่มความอเนกประสงค์มากขึ้นด้วย ช่องเก็บของด้านข้างประตู ถาดใส่ของอเนกประสงค์ใต้คอนโซลด้านคนขับ ช่องเก็บของอเนกประสงค์บริเวณคอนโซลกลาง ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลท้ายพร้อมที่วางแก้วด้านหลังกล่องเก็บของเหนือพวงมาลัย กล่องเก็บของและลิ้นชักบริเวณผู้โดยสารด้านหน้า รวมสิ่งที่เปลี่ยนทั้งหมดกว่า 20 จุด
ขณะที่เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง กับเครื่องเบนซิน รหัส 1 NZ-FE VVT-i ขนาดความจุ 1,500 ซีซี DOHC 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super ECT แบบ Gate Type ส่วนระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท และระบบกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชันบีม พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ด้วยวงเลี้ยวที่แคบสุดเพียง 4.7 เมตร
ด้านความปลอดภัยยังคงครบถ้วนเหมือนเดิมด้วย ถุงลมนิรภัย SRS คู่สำหรรับคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า (มาตรฐานในทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J) เข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pretensioner & Force Limiter) ในเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J) เบาะนั่งแบบ WIL Concept ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนด้านหลัง ลดอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ และแผ่นหลังตอนบน
โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ดูดซับแรงกระแทก ลดความรุนแรงจากการชน ด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง ระบบเบรค ABS ทำงานผสานกับระบบ EBD ปรับแรงดันน้ำมันเบรคแบบอิสระ 4 ล้อ แปรผันตามน้ำหนัก ที่กดลงแต่ละล้อในขณะนั้นๆ (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J) กุญแจรีโมท Immobilizer ป้องกันกุญแจเลียนแบบ ไม่ให้สามารถสตาร์ทเครื่องได้ โดยระบบจะตรวจสอบ ID Code ของกุญแจว่าตรงกับที่บันทึกไว้ใน ECU หรือไม่ (เฉพาะรุ่น S limited)
โตโยต้า ยาริส มาพร้อมกับสีสันให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ Super White II / Silver Metallic / Medium Silver Metallic / Super Red / Black Mica / และสีใหม่ Light Blue Mica Metallicสนนราคาปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมรุ่นละ 15,000 บาท เว้นรุ่น J ที่เพิ่มขึ้น 10,000 บาท